สิงคโปร์ มาเลเซีย 3 วัน 2 คืน 2 ประเทศ #ทริปสองสาวโสดเดินโหดจริงๆ
วันนี้ขออาสาพาทุกคนไป เที่ยวสิงคโปร์ และเมือง Johor
Bahru ประเทศมาเลเซีย
ภายในระยะเวลา 2 วัน หลายๆคนอาจจะไม่รู้จัก Johor คือเมืองอะไรกันนะ
จริงๆแล้วเราสามารถข้ามมาสิงคโปร์ได้ภายใน 30 นาที อาจจะงงกับการเดินทางสักหน่อย แต่เดียวจะอธิบาย วิธีการเดินทางข้ามเมืองสองประเทศไปกลับยังไงให้สะดวกที่สุด
ว่าแล้วก็ไปดูกันเลย
เตรียมตัวก่อนเดินทาง...
1. จองตั๋วเครื่องบิน Airasia Big แลกแต้มทั้งหมด
2. จองโรงแรมThe Grand Jade Hotel และThe Puteri Pacific Johor Bahru โรงแรมย่านJB Sentral
3. จองตั๋วArt Science Musuem เข้าArtScience Museum™ - Future World +
Digital Light Canvas
4. เช็คสภาพอากาศก่อนเดินทางฝนตกไหมร้อนขนาดไหน
แผนการเดินทางอย่างย่อ
02-08-2019
- บินไป Senai Airport , Johor Malaysia
03-08-2019
- Check in โรงแรม The Grand Jade Hotel
- Dim sum ร้าน Hock Chiang Hin
- ข้ามมาสิงคโปร์ด้วยรถไฟแล้วต่อรถบัส170 ไป MRT Kranji
- อุโมงค์ Fort Canning Park Tunnel
- Chinatown และ ร้าน Yakunkaya Toast
- Marina Bay Sand และ ร้าน LiHo Tea
- Art science museum : Future World by Team Lab
- Supertree Grove ที่ Garden by the bay
- ถนนHajilane มัสยิธ Masjid Sultan
- กลับไปJohor Malaysia
- Dinner ร้านMacGregor's
- เดินเล่น Bazaar Karat Night Market
- ช้อปปิ้งห้าง GALLERIA@KOTARAYA
04-08-2019
- Breakfast Buffet โรงแรม
- พักผ่อนที่โรงแรม Check out 12.00 น.
- เดินเล่น street art ย่านคาเฟ่ทั้งหมด
- The Replacement Lodge & Kitchen
- Flower in the Window
- TIP, The IceCream Project
- ช้อปปิ้งที่ห้าง Komtar และ JB city square
- ไปสนามบิน Senai airport เดินทางกลับบ้าน
วันที่ 1 : 2 สิงหาคม 2019
ออกเดินทางจากที่ทำงานหลังเลิกงาน
นั่งรถไฟใต้ดินมาลงจตุจักรราคา 35 บาท ออกทางออกแรกสุดแล้วขึ้นA1 มาลงสนามบินดอนเมืองตลอดสายราคา 30 บาท
รีบมาสนามบินเพราะมีระเบิดหลายจุดตรงช่องนนทรีและถนนพระราม9
ทำให้รถติดแล้วก็ตรวจเข้มหลายจุด ไม่อยากพลาดตกเครื่องมาไวชัวร์ๆนั่งรอใน King
Power แทนดีกว่า
ถึงเวลา Boarding 20.05 น. เดินไปที่ Gate 24 ไม่เห็นมีเครื่องบิน
เดินไปถามเจ้าหน้าที่เครื่องยังไม่มาเลยจ้ะดีเลย์รอวนไปค่ะระหว่างรอไปหาอะไรกินพี่ซื้อสตาร์คบัค
เราแลกน้ำฟรีจาก Daily Queen ดีเลย์30 นาทีในที่สุดเครื่องบินก็มาซะที flight AK1881 เป็นเครื่องของมาเลเซีย
ลองดูเมนู อาหารบนเครื่อง ราคาถูกกว่าเครื่องไทย
ครึ่งต่อครึ่งนะจ้ะแนะนำให้ซื้อ
ขึ้นมาบนเครื่องที่นั่งโซนหลังว่าง
เจ้าหน้าที่ให้ขยับได้ตีตั๋วนอนยาวระยะทาง2 ชั่วโมง20 นาที
ประมาณ00.30 น. เครื่องlanding ที่สนามบิน Senai International Airport ประเทศมาเลเซีย
รวมๆไฟท์ delay 1 ชั่วโมงจากschedule เดิมไม่มีปัญกาชิวๆวันนี้ไม่ต้องรีบไปไหนอยู่แล้วเรียก
Grab Taxi มารับไปที่พัก คืนแรกโรงแรมชื่อ
The Grand Jade Hotel แถว
JB Sentral โดนค่ารถไปราคา 40
RM ใช้บัตรเครดิตตัดเรียบร้อยคนขับชวนคุยตลอดทางอารมณ์ขายของอยากให้เราเหมาเขาพรุ่งนี้ขอโทษค่ะพี่หนูจะไปเที่ยวสิงคโปร์555+
มาถึงที่พักตอน 01.25 น. check in ต้องเสียค่ามัดจำ 50 RM และเสียเงินค่า Non Malaysian Tax คืนละ 10 RM ต่อห้อง ต้องจ่ายแยกทุกคืนคิดขึ้นได้ให้แบงค์สิงคโปร์
50 SG รีบหน้าตั้งขอแลกแบงค์กลัวเจ้าหน้าที่คนเดิมไม่อยู่ละอดได้เงินคื นอนสักหน่อยให้พี่อาบน้ำก่อนแล้วแอบเอาของขวัญไปวางบนเตียงใส่พรุ่งนี้นะๆ555+
สองคนก็มีเสื้อทีมได้(ทริปสองสาวโสดเดินโหดจริงๆ) ส่วนห้องโอเค style
modern สวยใช้ได้มีน้ำดื่มให้ฟรีด้วยห้องอยู่ชั้น
1 Good Night ค่ะเจอกันพรุ่งนี้ค่ะขอตัวไปนอนเอาแรงก่อน
วันที่ 2 : 3 สิงหาคม 2019
สวัสดียามเช้าค่ะ มึนๆ นอนไปแปบเดียว กลัวไม่ทันรถไฟ KTM ที่จองไว้ข้ามไปสิงคโปร์ เพิ่งเคยไปสิงคโปร์จากมาเลเซียด้วยรถไฟ ปกตินั่งบัสเอา งงๆกับระบบเขา ว่าต้องทำไงบ้าง เผื่อเวลาดีกว่า ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวแต่งหน้า check out
เดินไปกิน Dimsum ร้าน Local เจ้าดังที่ Hock Chiang Hin ร้านเปิด 06.00-13.00 น. ปิดวันอาทิตย์
หมดนี้ทั้งโต๊ะ จ่ายไป 92 บาท/ 2 คน ถูกกกกและอร่อยด้วย ดูจากคนที่นั่งกินในร้าน เสร็จเรียบร้อย เดินลัดเลาะผ่านวัดแขก
เอาของไปฝากที่โรงแรมที่จะพักคืนนี้ ชื่อ The Puteri Pacific Johor Bahru อารมณ์ดุสิตธานีของที่นี่ หรูหราหมาเห่า
ใหญ่โตอลังการ แต่เก่าหน่อย
เดินมาที่สถานี JB Sentral นั่งรอรถไฟ KTM เตรียมตัวข้ามไปสิงคโปร์ จะมีจุดนั่งคอยก่อนเข้า
ตม. และชานชาลา แนะนำให้จองรถไฟล่วงหน้าผ่านเว็บ เราจองรอบ 8.45 น. คนละ 5
RM แค่ 40
บาทเท่านั้นต่อคน เพราะว่าถ้ามา Walk in หน้างาน รถไฟเต็มหมดประมาณ 08.20 น.
เจ้าหน้าที่เปิดประตูให้เข้าไปเช็คผ่าน ตม. มาเลเซีย ยืนต่อแถวรอรถไฟที่ชานชาลา
ทุกคนเหมือนจะไปวิ่งแข่ง รีบมากกกก แซงและไม่มีระเบียบ เอือมระอา มองบน
เข้าใจว่ารีบต้องไปทำงาน
ขึ้นมารถไฟได้ พยายามหาที่นั่งที่จองมา หาไม่เจอ
-..- เขานั่งกันมั่ว จองที่นั่งมาก็ไม่ได้ช่วยอะไร ณ จุดนี้ สรุปนั่งตรงไหนก็ได้ รถไฟออกตรงเวลา
ไม่คอยนะจ้ะ รถไฟใช้เวลา 5 นาที จาก JB sentral ถึง Woodland Train Check Point ข้อดี คือ
นั่งรถไฟจะช่วยหนีรถติดยามเช้าได้เป็นอย่างดี ข้ามมาฝั่ง Singapore เรียบร้อย ด้วยความที่ชอบถ่ายรูป
กดชัตเตอร์ถ่ายรถไฟด้านนอก ได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ตะโกนลั่นมาแต่ไกล No
photo No photo แล้ว
มาจับตัวเราไว้ แถมยึด passport ไป เอาแล้วไง หน้าซีด เหงื่อแตก
เจ้าหน้าที่ให้ตามเขาแล้วไล่พี่ไปเขียนใบตม ไม่ให้อยู่ด้วยกัน หน้าตาก็น่ากลัว
เอาไงดีเนี่ย อธิบายให้เขาฟังว่า ถ่ายรูปรถไฟไปหนึ่งรูป มองไม่เห็นป้าย No
photo จริงๆ
เจรจาปนอ้อนวอนอยู่นาน จนเขาใจอ่อน เลยโดนปล่อยออกมา กลับมาอีกที
แถวยาวเป็นหางเว่าเลย เป็นคนสุดท้าย 555+
(ที่หลังทุกคนต้องดูก่อนนะตรงไหนแปะอะไรไว้ อาจจะไม่โชคดีแบบเราเสมอไป
พอไปไหนที่นี่หลอนเลย มีอะไรแปะไหม)
ผ่านตม. สิงคโปร์ได้ เดินออกมาข้างนอกสถานี
มองหาป้าย Bus station ระหว่างทางจะเขียน
Bus Stop Transfer To MRT เดินไปตามทางโลด เวลาจะขึ้นรถให้มองหารถที่เขียนว่า สาย 170
direct to Queen Street เพื่อไปลง
Kranji MRT Station ประมาณ
3 สถานีเอง ต้องแบบนี้เท่านั้น
ถึงสถานี Kranji MRT เอาบัตรที่มีไปเติมเงิน เติมไป 20 SG แค่วางบนแท่นแล้วแอดเงิน
เติมเงินใช้ได้ทั้งเงินสดและบัตรเครดิต ลองใช้บัตรเครดิตดู ไม่ต้องกด PIN ใดใด แค่เสียบบัตรตัดเงินเลย
นั่งรถ MRT ไปสถานี Dhoby Ghaut MRT ประมาณ 40 นาที ชมวิวตลอดข้างทาง
เริ่มเที่ยวจุดที่หนึ่ง Fort Canning Park Tunnel ให้ชื่อว่า "มุมมหาชน รอจนเหนื่อย"
วิธีการเดินมาที่อุโมงค์ ให้ออกทางออก B เดินมาตามถนน Penang Road ข้ามถนนมา เจอห้างให้เลี้ยวซ้าย เดินตรงมาเรื่อยๆ
เห็นคนต่อแถวยาวๆ มาแต่ไกล ตอนมาถึง เราคิวที่ 5
ดันเจอแก๊งคนเกาหลีมาพรีเวดดิ้ง รอกลุ่มเดียวครึ่งชั่วโมง กลุ่มหลังเราถอยทัพหมด
ค่อยมาอีกวันแต่เช้า 555+ สำหรับเราสบายๆ เจอประตูสวรรค์บาหลีวันจันทร์ที่ผ่านมา 5
ชั่วโมง อันนี้ 1 ชั่วโมงสบ๊ายยย ปล. เขากำลังก่อสร้างอยู่
อาจจะไม่ได้ตามรีวิวเก่าๆเป๊ะๆนะจ้ะ
รถบัสจะจอดหน้าร้าน SONG FA Bak Kut Teh อยากกินนะ แต่เห็นคนต่อแถวแล้ว บายทันที
เราจะต่อคิวทุกอย่างไม่ได้นะ 555+ ชวนพี่เดินลัดเลาะชมเมืองไปเรื่อย
เดินผ่านพวกวัดและย่านของกิน เดินถ่ายรูปมากันตลอดทาง
จบตรงร้าน Yakunkaya Toast สาขา Chinatown หวานมากบอกแล้วน๊าาาา ไม่เป็นไรอยากลอง สั่งดักทุกอย่างน้ำไม่เอาน้ำตาล
เลือก SET A , B มีไข่ลวกสองฟอง
ชา และ ขนมปังชุบไข่สังขยา ชุดละ 5.6 SG ใครไม่ชอบหวาน ร้านนี้ข้ามไปเลยนะจ้ะ
555+พอเอามาเสิร์ฟ ชามะนาวหวานน้ำเชื่อมยังอาย 555+ กินไม่ได้ เสียใจ
หวานจับลิ้นเลยทีเดียว เดินย่อยกันต่อ เห็นแบบนี้ไม่เยอะแต่อิ่มมาก
ไม่รู้เพราะความหวานเคลือบกระเพาะรึเปล่า
เดินมาที่สถานี Telok Ayer นั่งสาย Downtown มาลงสถานี Bayfront ออกทางออก A เจอทางเข้า Marina Bay Sand เดินช้อปปิ้งตามช้อปที่มากมายและอลังการ
ใครความรู้สึกเหมือนสนามบินสุวรรณภูมิชั้นตรง Departure Hall แล้วก็ไปไปมามาเหมือนมาเก๊าเลย มีจุดล่องเรือ มี CASINO
ด้วย
อยากกินชาไข่มุก ดูใน google map เห็นมีร้าน Liho Tea ตามหาชาไข่มุกกก LiHo สาขานี้รีวิวดีมากกก ต้องลองๆ สั่ง Brown
Sugar และ Milk
Tea With Peal แก้วเลือกลายได้
อย่างน่ารักเลย แพ้ความน่ารัก!
ออกไปเดินด้านนอกบ้าง ชมวิว วิวตรงข้ามเป็น Melion
ปกติจะเดินอยู่ฝั่งนู่น
เพิ่งมีโอกาสได้มาเดินฝั่งนี้ วิวต่างกัน
เดินเรียบแม่น้ำมาเรื่อยๆ จนถึง Art
Science Museum เข้ามาด้านใน
มี Cafe น่านั่ง
เดินลงมาด้านล่าง ตัวพิพิธภัณฑ์เปิด 10.00-19.00 น. ต้องเข้าก่อน 17.30 น. นะ
ตัวพิพิธภัณฑ์ แบ่งเป็นหลายส่วน เราเลือกเข้าห้อง Future World เนื่องจาก Teamlap เป็นคนออกแบบ เห็นคิวซื้อตั๋วยาวไปสองขด
เราไม่ต้องรอ ใช้ตั๋วที่จองจาก KLOOK และ Traveloka แสกนเข้าได้เลย ส่วนใครไปเที่ยวญี่ปุ่น อย่าลืมไปแวะชมที่ Odaiba
Tokyo , Japan
ภายในจะแบ่งห้องออกเป็นหลายโซน เริ่มด้วย
ห้องลายดอกไม้ ผีเสื้อ สวยๆ
ถัดมาโซนกิจกรรมให้เด็กๆ เช่น สไลเดอร์ ตัวต่อ
ต่อมาห้องลายจุด ถ่ายรูปออกมาแล้วดูอาร์ตดี
สุดท้ายห้อง Hilight เป็นไฟเล่นระดับสวยๆ มีทางให้เดิน คนเยอะมาก
สวยจริง
เดินลัดเลาะด้านนอก ตั้งใจจะไป Garden By
The Bay ไกลเหลือเกินน
ขาลากแล้ว 55+ บอกพี่เอาตรงนี้ไหมๆ สวยเหมือนกัน พี่ก็ไม่ไหวด้วย โอเคตกลงดีลลล
ชมวิวนั่งแช่อยู่ตรงนี้สักพัก
ไม่ไหวบอกไหว ได้เวลาไปต่อ เดินมาที่สถานี MRT
Bayfront Station นั่งสาย Downtown
มาลง Bugis
ออกทางออก B
แล้วเดินมาทางถนน
Arab Street
ถนนย่านนี้มันชิคดีจริงๆ นักท่องเที่ยวเยอะด้วย
เดินถ่ายรูปตรง Street Art ได้ตลอดแนว
ตรงเดียวกันมี Majid Sultan
เดินลึกเข้าไปอีกนิดแหล่ง Cafe เยอะแยะ ร้านที่ฮิตติดลมตอนนี้ คงหนีไม่พ้น ร้าน
% หรือร้าน Arabica Cafe (% Arabica Singapore Arab Street) ร้านเปิด 8.00-20.00 น. แถวยาวตลอดเวลา
ต่อแถวอีกแล้ว 555+ ชีวิตปวดใจ ต่อยาวจนสุดถนนกันเลยจ้ะ ก่อนกลับเคลียร์บัตร
ซื้อของฝากให้หมด ราคาน้ำแพงจนปวดใจ ขวดละหลายบาท แต่เหนื่อยไม่ไหวแล้ว ต้องกิน
พี่ชวนกลับ Johor , Malaysia กลับกันดีกว่า ไฟไม่ดูแล้ว พี่เหนื่อย โอเค
กลับก็กลับจ้า เดินมาที่สถานีรถบัส Singapore-Johore Express Terminal ตรง Bugis เลย ซื้อตั๋วรถบัส 3.3 SG ใช้บัตร Ez-Link แตะได้เลย พอขึ้นรถ พี่แกออกรถเลย โชคดีไปอีกกก
ได้เวลาพักเท้า จาก Bugis ไปด่าน Woodland ใช้เวลา 30-40 นาทีแล้วแต่ว่ารถจะติดมากไหม ณ จุด woodland bus
checkpoint เราต้องลงจากรถพร้อมของ ไปผ่านตม
สิงคโปร์แล้วลงบันไดลงมาชั้นล่าง รอรถ 170,170X หรือ CW2 ตามตั๋วที่เราซื้อมา ข้ามไปฝั่ง JB
Sentral ผ่านตมมาเลเซียเข้าประเทศอีกครั้ง
โชคดีไม่ต้องต่อคิวนาน เคยอ่านเจอมารอนานสุดเกือบ 3 ชั่วโมง ณ JB Sentral มีจุด exchange money จัดการแลกเงินตรง JB Sentral แลกสิงคโปร์มาเป็นมาเลเซียทั้งหมด
เงินสิงคโปร์ที่แลกมาไม่ได้ใช้สัก SG เดียว
แวะซื้อขนมตลอดทาง พี่ชวนลองไก่ KFC รสใหม่ รสพริกเขียวและมะนาว ไก่สีอาจจะไม่สวย
แต่อร่อยนะ เพื่อนบอกเหมือนติดเชื้อรา TT
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj-yofPNDAC5QetgI2X1VdWa8MQPKLmkMa5EsRx2joGDbSUNYRkCxcRExx0QSkmRk2p3dB531WuYTK7lKDl7OCdha8rbDhCLDuv_mHsjgdfpmCn5jWHuHuTQDoKlaljgpFr95428_i28Jdt/s640/pvr1yn9mhkdYO07pgK2-o.jpg)
ตรงไป check in ที่โรงแรม เข้าห้องให้ไวที่สุด อาบน้ำอาบท่า
พักขา พักเท้า ดึกๆค่อยออกไป Dinner กัน
ระหว่างรอพี่อาบน้ำ หาร้านอาหารคูลๆ ตกลงที่ร้าน MacGregor's
เป็น Tranditional
Irish Pub แถวโรงแรม Amari
ชวนพี่ออกตอน 6 โมงครึ่ง ไปช่วง Happy
Hour ได้เครื่องดื่มลด
ราคา พวกมอคเทล no alcohol ก็มีนะ ร้านดีมากกกก บรรยากาศดี วิวดี สาย ฝเพียบ อิอิ ร้านเปิดทุกวัน
17.00-02.00 น. เมนูอาหารหลากหลาย เมนูไทยก็มี ราคาไม่แรงมาก
แต่ก็ถือว่าสูงกว่าร้านทั่วไป เราสั่ง Angus Beef Burger ส่วนพี่สั่ง Pasta กุ้งเผ็ดๆ อร่อยใช้ได้ นั่งแช่ค่อยๆกิน
กว่าจะเสร็จปาไปสองทุ่ม โดนไปคนละ 50 RM รวมเครื่องดื่ม ถือว่าถูกมากถ้าเทียบกับไทย
พอดีกับ Night Market เปิด เปิด 2 ทุ่มเป็นต้นไป เฉพาะวันหยุด
เดินเล่นย่อยก่อนเข้าที่พัก ดีกว่า ไม่รู้จะซื้ออะไร พี่ชวนเพ้นต์มือ HENNA
ซะงั้น
อะเพ้นต์ก็เพ้นต์ 2 ข้าง 15 RM เอง ปะกลับได้
ก่อนถึงที่พัก จะผ่านห้าง GALLERIA@KOTARAYA
แวะหน่อย 555+
ได้ของฝากย่าเป็นชุดแขก ราคาน่ารัก พี่ได้คีบตุ๊กตา ขาอ่อนแอเหลือทน คีบละหลุดๆ
แถมกินเหรียญอีก เลิกๆ โกรธๆ เข้าโรงแรม อาบน้ำใหม่อีกรอบ พร้อมนอน Good
Night เจอกันพรุ่งนี้นะคะ
วันที่ 3 : 4 สิงหาคม 2019
นอนกันเต็มที่ เปิดวาปอีกที 8 โมงแล้วว
ไม่กระดุกกระดิกเลย หลับลึกถึงเช้า
ลุกไปแปรงฟันล้างหน้า
เตรียมลงไปรับประทานอาหารเช้าของโรงแรม อาหารเช้าเริ่ม 06.30-10.30 น. ทุกวัน
ราคาอาหารรวมในราคาที่พักแล้ว ถ้าไม่ได้จองมา สามารถซื้อแยกได้หน้าห้องอาหาร
คุ้มที่จะซื้อ บอกเลย Line อาหารอลังการ มีให้เลือกเยอะ
ชอบอาหาร Local ของโรงแรม กินได้ แถมอร่อยด้วย
โดยเฉพาะโรตีและแกงไก่ กินไปสามจาน ลืมอาหาร Western ไปได้เลย Nasri Lemek ก็เด็ด หรือ Fishball Soup ก็อร่อย ทำเองได้เลย เลือกเส้นต้ม
ใส่ผักตามใจชั้น ตบท้ายด้วยผลไม้ล้างปาก อิ่มท้องแตกกันทั้งคู่
กลับเข้าห้องนอนแช่อีกลอต 55 นอนยังไงก็ไม่พอสักที
จน 10.30 น. ถามพี่จะไปเล่นน้ำกันไหมๆ พี่ไป
ลงไปเล่นน้ำที่สระว่ายน้ำโรงแรมที่ชั้น 2 ย่อยอาหารที่กินเข้าไปทั้งหมด
กลุ้มใจกินอะไรไปบ้าง 555 ทำโทษตัวเอง ว่ายน้ำ 10 รอบ ว่ายเสร็จหิวอีกแล้วแม่คุณ ฮ่าฮ่า
เอาเข้าแล้วก็เอาออก เอาออกแล้วก็เอาเข้า ไม่มีทางผอมแน่ๆ ขึ้นห้องอาบน้ำแต่งตัว check
out ตอนเที่ยง
ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม ค่อยกลับมาเอาตอนเที่ยวเสร็จ
เริ่มต้นจุดแรก Sultan Ibrahim Building เข้าไปด้านในไม่ได้นะจ้ะ ชมจากภายนอกเอา
เดินลัดเลาะมาตามถนน JALAN PAHANG ย่านชิคๆ ของเมือง JOHOR แหล่งรวมร้านอาหาร คาเฟ่ และHostel เอาไว้ด้วยกัน
เริ่มต้น Cafe Hopping Day ด้วยร้าน The Replacement Lodge &
Kitchen ร้านตกแต่งด้วยสไตล์
Modern สีขาว ดำ
สบายตา โปร่ง คนเยอะล้านแปด ต้องเข้าคิวรอ รอนาน ถ้ารอได้โอเคเลย ส่วนเรื่องราคา
ถือว่าราคาสมเหตุสมผลกับสิ่งที่ได้ แนะนำให้มาลอง ร้านเปิด จ-พฤ 10.00-18.00 ศ-อา
09.00-23.00 น.
ร้านตรงข้ามกันเลย ชื่อร้าน Flower in the
Window ตกแต่งได้ถูกใจมาก
สไตล์ Vintage ของตกแต่งอาร์ตๆ
เน้นโทนสีเอิร์ธโทนเย็นตา เหมือนนั่งอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าและป่าไม้
ก่อนอื่นเลือกเค้ก Match Cheese Cake อัน Carrot Cake ก็ดูน่ากินเนอะ สั่งน้ำปั่นด้วย ย้ำอีกที ไม่หวานๆ เลือกอาหารเสร็จขึ้นไปหาที่นั่งชั้น 2
เต็มทุกโต๊ะไปเลยจ้ะ พนักงานเลยให้เราไปนั่งโซนต้องจองแทน ได้ตรงเตียงนอนเลย 555
เกร๋ๆ มุมในร้านสวยเยอะไปหมด จนทางร้านต้องแปะไว้เลย ห้าม Model เข้ามาถ่ายรูปในนี้
แต่ถ้าถ่ายเล่นเฉยๆได้ไม่มีประเด็น ระหว่างรออาหารที่สั่งไป ถ่ายรูปรอละกันเนอะ
ของกินมาเสิร์ฟ ขนมเค้กดี แต่น้ำปั่นหวานไป นั่งแช่กันสองคน ลงมาอีกทีคนไปหมดแล้ว ฮ่าฮ่า นานจริง
จ่ายเงินแล้วไปต่อ
เข้าร้าน TIP, The IceCream Project แทน ร้านเปิด 13.00 - 00.00 ทุกวันศ-อา ส่วนวัน
จ-พฤ เปิด 13.00-22.00 น.
พอส่องเมนูราคาโหดเว่อร์ scroop เดียว หรือลูกละ 18 RM = 135 บาท -..- เข้ามาแล้วเนอะ สั่งก็สั่ง
โดยรวมแล้ว texture ไอติมโอเคมากๆ
ความเหนียวของตัวไอติม ผิวสัมผัสดี ติดตรง โครตจะหวานนนน กินไม่หมดด้วย หวานแบบนี้
เบาหวานขึ้น 200 แน่นอน พอแล้วเนอะ สามที่แล้ว ไปช้อปปิ้งบ้าง
เดินลัดเลาะถนน มาเรื่อยๆ เข้าห้าง Johor
Bahru City Square ห้างเปิดทุกวัน
10.00-22.00 น. ร้านเหมือนที่สิงคโปร์เลย ดีตรงราคาถูกกว่ามาก เนื่องจากคูณเรทแค่
7.5 ต่างจากสิงคโปร์ คูณ 20 กว่า
ได้เวลาไปสนามบิน เงินหมด หมดเวลา
เดินกลับไปที่โรงแรม เอากระเป๋า แล้วกดเรียก Just Grab 32 RM ไปส่งที่สนามบิน เดินกันไม่ไหวแล้วววว เหนื่อย
เมื่อย จากตัวเมืองยะโฮ ไปสนามบิน Senai Airport ใช้เวลา 40 นาที นั่งพักไปในตัว
ณ สนามบิน Senai International Airport
ถามเจ้าหน้าที่ อยู่ตรงไหนคะ ที่ Check in
หา counter
ไม่เจอ
เขาบอกให้เช็คที่ตู้ Kisok แทน ไม่ยากแค่ใส่เลขการจอง แล้วเรียกคนที่จะปริ้น ได้ Boarding
pass เรียบร้อย
มีเวลาเหลือ 3 ชั่วโมงเต็มไปไหนกันดีเรา
มองจากสนามบิน เห็นร้านช้อปปิ้งแถวสนามบิน งั้นเราเดินไปดูดีกว่า
แถวนั่นจะมี ร้านของฝาก Local ยาวตลอดแนว แล้วก็ร้านตู้เกมส์เรียงหลายเป็นแถวเลย ไม่ได้อะไรสักอย่าง
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiPlQCMOcDBkXHhO7HF7lciFi0k2hYo4vXtSNNcqt9gXsCq08T9MMPG9c8NpoDW3Da-kKa6mOH3VXl_mFtc_OMZvd0VAcfBc-cXQLvkmamSdCjpKw5RxcnonoshICOvTA-x2dF8NH2Oo_d_/s640/pvr15l376jKGPy75UKwk-o.jpg)
ส่วนร้านอาหารมี Local Burger king KFC
Subway Tealive Gongcha และร้านขนมเต็มไปหมด
กินทุกอย่างและใช้เงินหมดจนนาทีสุดท้ายก่อนผ่าน ตม. เข้า Gate เข้าไปด้านใน ตม. มีร้าน Duty Free และร้าน supermarket อย่างละร้านเล็กๆ
ควรซื้อของตั้งแต่ข้างนอกแล้วถือเข้าไป
สนามบิน Senai ฝั่ง international มีแค่ 1 Gate ถ้วน ใกล้มาก ไม่ต้องวิ่งแบบสิงคโปร์ คนน้อยดีจับจองพื้นที่นั่ง อยู่ดีดีพี่ก็ไหลไปเลย สลบ
หมดแรง คงจะเหนื่อย นางท้องเสียเมื่อเช้า ไม่รู้เพราะกินอะไรมา
Boarding Time ไฟท์ AK1807 ตอน 18.55 น. ตรงเวลาเป๊ะๆ ไม่มีต่องวง
ต้องเดินขึ้นเครื่องเอง
บายบายนะมาเลเซียไว้เจอกันใหม่เดือนตุลาคม วันนี้กลับบ้านก่อนแล้วจ้ะ
ขึ้นมาบนเครื่องบิน อาหารบนเครื่องดูน่ากิน
มีโปรโมรชั่น อาหาร 2 กล่อง ราคา 28 RM น้ำเปล่าขวดละ 3 RM ถูกกว่าไทยๆ จัดคนละชุด อร่อยยยยย
ท้องอิ่มหนังตาหย่อน หลับยาววววว ถึงไทยแล้วนั่งรถ A1 ต่อรถไฟฟ้ากลับบ้าน จบทริป Sinapore -
Malaysia อย่างสวยงาม
ไว้เจอกันใหม่โอกาสหน้านะคะ ^^
ค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ส่วนที่ไม่เสียเงิน
-
ตั๋วเครื่องบิน แลกแต้ม ฟรี
-
ประกันเดินทางรายปี ไม่เสียเงิน
-
ซิมส์อินเตอร์เน็ต ใช้ของทริปที่ผ่านมา ไม่เสียเงิน
- ค่าเข้า Art
Science Musuem , ร้าน Toast สิงคโปร์ และ ชาไข่มุกร้าน Liho Tea ไม่เสียเงิน
ใช้แต้มจาก KLOOK
ส่วนที่เสียเงิน
-
ที่พักคืนแรก 500 บาท
-
ที่พักคืนสอง 700 บาท
-
เติมเงินบัตร EZ Link 20 SG = 440 บาท
- ค่ารถ Grab
ไปกลับสนามบิน
Senai 36 RM = 270 บาท
-
อาหารทั้งหมด รวม 120.3 RM = 902 บาท
Dim sum 12.6
RM / 2 คน = 6.3 RM
Coke 3 RM /
2
คน = 1.7 RM
Dinner 50 RM
Drinks น้ำบ๊วย 3
RM
Cafes 13 RM
Ice cream
project 10 RM
KFC สนามบิน 15.8
RM
Milk tea
tealive 5 RM
อาหาร Airasia
บนเครื่องบิน
15.5 RM
รวมที่เสียเงินทั้งทริป
2812 บาท